โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดในไทยปี 2023
“การได้เลือกโบรกเกอร์ที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด…”
เราได้แสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มเพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า โบรกเกอร์ใดที่จะช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนสูงสุด
ที่ | โบรกเกอร์ | คำติชม | การจัดอันดับ | ลักษณะเฉพาะ | บัญชีผู้ใช้ | แนะนำ |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | อันดับที่ 1 |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ XM |
|
2 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | อันดับที่ 2 |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ GMI |
|
3 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | อันดับที่ 3 |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ Exness |
|
4 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | โบรกเกอร์ที่แพลตฟอร์มดีที่สุด |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ RoboForex |
|
5 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | Raw Spread ต่ำที่สุด |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ IC Markets |
|
6 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | โบรกเกอร์ที่ให้โบนัสดีที่สุด |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ FBS |
|
7 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | การจัดการดีที่สุด |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ JustMarkets |
|
8 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | โบรกเกอร์ที่ปลอดภัยที่สุด |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ Tickmill |
|
9 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | โบรกเกอร์ที่แอคทีฟที่สุด |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ InstaForex |
|
10 | รีวิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม | โบรกเกอร์ที่ให้ Leverage ดีที่สุด |
| เปิดบัญชี ฟรี | ดูเพิ่มเติม ไปที่ FXCL |
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับปี 2023
แนะนำเว็บเทรด Cryptocurrency สำหรับปี 2023
โบรกเกอร์คืออะไร
โบรกเกอร์คือนายหน้าในการลงทุน เมื่อคุณต้องการทำการซื้อขาย สิ่งสำคัญคือคุณต้องมองหานายหน้าที่จะทำหน้าที่ในการดำเนินการซื้อขายในตลาด โดยโบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายระหว่างลูกค้า กับ ผู้ผลิต อาจจัดให้มีการทำธุระกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และเมื่อทำข้อตกลงเสร็จสิ้น โบรกเกอร์ก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่นจากลูกค้าหรือผู้ผลิต
ข้อดีของการใช้โบรกเกอร์คือ พวกเขารู้จักตลาดเป็นอย่างดี และมีความเชี่ยวชาญ รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร นอกจากนี้แต่ละโบรกเกอร์เอง ก็ยังมีสินทรัพย์และเครื่องมือที่ช่วยในการเข้าถึงฐานผู้ซื้ออย่างกว้างขวาง และแต่ละโบรกเกอร์ก็มีการคัดกรองศักยภาพของเหล่าผู้ซื้อ เพื่อวัตถุประสงค์ในการหารายได้
ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าตลาดการเงินได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีผู้คนเข้ามาลงทุกซื้อขายจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผู้คนสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและวัตถุประสงค์ในการลงทุน แต่เมื่อมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้น เราก็จะเห็นโบรกเกอร์หน้าใหม่ที่เพิ่มจำนวนขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบางโบรกเกอร์ก็ไม่มีความโปร่งใส และมีค่าธรรมเนียมที่ไม่เหมาะสม
แต่ก็จะมีโบรกเกอร์ในตลาดฟอเร็กซ์บางราย ที่ไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น แต่จะเก็บค่าสเปรดแทน ค่าสเปรดคือ ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ กับ ราคาขาย บ่อยครั้งที่เราจะเห็นโบรกเกอร์ เสนอให้เปิดบัญชีซื้อขายได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังไม่มีขั้นต่ำในการฝากเงินใดใด และยังมีการเสนอจัดฝึกอบรมการซื้อขายฟรีอีกด้วย
ก่อนที่คุณจะเข้าสู่การเลือกโบรกเกอร์มีหลายปัจจัยที่คุณจะต้องพิจารณา ไม่ใช่เพียงแค่เลือโบรกเกอร์ที่ราคาถูกที่สุด แต่คุณอาจจะมีปัญหาในการใช้งานกับแพลตฟอร์มได้ คุณควรเปรียบเทียบคุณสมบัติของโบรกเกอร์หลาย ๆ ตัว จากทั่วโลก เพื่อค้นหารโบรกเกอร์ที่เหมาะกับความต้องการ
การเลือกโบรกเกอร์สำคัญยังไง
หากการเริ่มต้นการลงทุนที่ดี คือการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีแล้ว การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีนั้นก็จะทำให้เราไม่ต้องเสี่ยงกับการโดนโกงเช่นกัน ทุกวันนี้มีบนตลาดการเงินออนไลน์ มีโบรกเกอร์หลากหลายบริษัทให้คุณได้เลือกลงทุน
แต่หากคุณสามารถเลือกโบรกเกอร์ มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ ใช้งานง่ายสะดวกรวดเร็วและมีค่าสเปรดที่ต่ำ สิ่งกล่าวมาเหล่านี้ถือว่าเป็นพื้นฐานในการเลือกโบรกเกอร์ เรามาดูวิธีในการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีมีดังต่อไปนี้
- ใบอนุญาต
- โบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ
- มีประกันเงินลูกค้าและความเสี่ยงต่ำ
- ความสะดวกของช่องทางการฝากถอน
- Spread
- แพลตฟอร์มการซื้อขาย
- สินทรัพย์ในการลงทุน
- การบริการลูกค้า
- บัญชีทดลอง
1. ใบอนุญาต
อย่างแรกที่คุณต้องนึกถึงในการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีและมีคุณภาพ คุณจะต้องมองหาโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานชั้นนำระดับโลกที่กำกับดูแลทางการเงิน
โดยหน่วยงานเหล่านี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและความน่าเชื่อถือของบริษัทเพื่อทำการจดทะเบียนและออกใบอนุญาตรองรับ ความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยของบริษัท
หน่วยงานที่ทำหน้าที่จดทะเบียนใบอนุญาตได้แก่
- Australian Securities and Investments Commission (ASIC)
- Seychelles Financial Services Authority (FSA)
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
- Securities Commission of The Bahamas (SCB)
- Financial Sector Conduct Authority (FSCA)
- Financial Conduct Authority (FCA)
- Internation Financial Services Commission (IFSC)
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อควรระวังคือ!!! ให้หลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่ไม่มีการจดทะเบียนใบอนุญาต เพราะบริษัทเหล่านั้นไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล มีความเสี่ยงในการปิดบริษัทหนีหายไปสูง ทำให้คุณมีความเสี่ยงในการถูกโกงนั้นเอง
2. โบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ
โบรกเกอร์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือคือโบรกเกอร์ชั้นนำที่ติดอับดับ 1 ใน 10 ของโบรกเกอร์ที่ได้รับการจัดอับดับ
ซึ่งโบรกเกอร์เหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพเลยทีเดียว ความน่าเชื่อถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเลือกโบรกเกอร์เท่านั้น
เพราะต้องมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ระยะเวลาในบริหาร โบรกเกอร์ที่มีการก่อตั้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน นั่นแสดงถึงศักยภาพในการบริหารของบริษัท ที่ดูแลให้บริการลูกค้ามาโดยตลอด
บริษัทต้องได้รับการจดทะเบียนโดยหน่วยงานชั้นนำ เพื่อความปลอดภัย
มีการเปิดเผยข้อมูลสถานที่ตั้งที่ชัดเจน โดยส่วนใหญ่โบรกเกอร์ชั้นนำจะบอกที่อยู่ที่ตั้งบริษัทที่ชัดเจน ในประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ รัสเซีย เป็นต้น เพราะการจัดตั้งโบรกเกอร์ในประเทศเหล่านี้มีความเข้มงวดอย่างมาก ต้องสามารถควบคุมความเสี่ยง และความปลอดภัยให้ดีจึงจะสามารถจัดตั้งโบรกเกอร์ได้
3. มีประกันเงินลูกค้าและความเสี่ยงต่ำ
นอกจากจะได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว หากโบรกเกอร์มีการทำประกันความเสี่ยงแก่เทรดเดอร์เป็นการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
- นโยบายปกป้องเงินทุนลูกค้า แยกบัญชีเงินลูกค้า กับเงินบริษัท
- การเข้าร่วมการกองทุนชดเชย โดยจะมีมอบเงินให้ลูกค้าในกรณีที่โบรกเกอร์ไม่สามารถชดใช้ให้กับลูกค้า
- มีการตรวจสอบบัญชีจากหน่วยงานภายนอก
- การทำประกันเงินทุนลูกค้า โดยจะมีการคืนเงินให้ลูกค้าในกรณีที่บริษัทล้มละลายหรือปิดกิจการลง
4. ความสะดวกของช่องทางการฝากถอน
สิ่งสำคัญในการลงทุนคือ โบรกเกอร์จะต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย และ ความรวดเร็วในการฝากถอน และที่สำคัญคือสามารถทำการฝากถอนผ่านธนาคารไทยได้
- ความรวดเร็วในการฝากถอน โดยส่วนมากจะใช้ระยะเวลา ไม่เกิน 24 ชั่วโมงทำการ แต่ถ้าใช้เวลาฝากถอนรวดเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
- เรทในการฝากถอน หากโบรกเกอร์มีค่าธรรมเนียมในการฝากถอนต่ำ ก็จะเป็นผลดีต่อเทรดเดอร์
ช่องทางการฝากถอนที่ได้รับความนิยม
- อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งไทย
- Visa, Master Card
- Paypal
- Skrill
- Neteller
- Wire Transfer
- UnionPay
- Sticpay
- fasapay
- Perfect Money
- POLI
5. Spread
สเปรดคือ ส่วนต่างระหว่าง ราคาซื้อ กับ ราคาขาย ผู้ให้บริการสภาพคล่อง หรือก็คือโบรกเกอร์ เป็นผู้ราคาซื้อขายนี้ขึ้นมา เพื่อคิดค่าบริการจากการซื้อขาย
หลักการคือผู้ให้บริการสภาพคล่องจะตั้งราคาซื้อให้ต่ำ และตั้งราคาขายให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อที่จะสามารถทำเงินได้
สเปรดของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ บางครั้งเมื่อตลาดมีการผันผวน อัตราค่าสเปรดจะเปลี่ยนแปลงตามตลาด แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยงนั้น ทำให้มีการตั้งค่าสเปรดคงที่ไว้
หากโบรกเกอร์ยิ่งมีค่าสเปรดแคบ จะยิ่งเป็นการดีต่อเทรดเดอร์ ดังนั้นในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำไว้ก่อน เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการซื้อขาย หรืออีกในหนึ่งเป็นเพิ่มกำไรให้ตนเองอีกด้วย
6. แพลตฟอร์มการซื้อขาย
สิ่งสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์คือ แพลตฟอร์มการซื้อขาย โบรกเกอร์ส่วนมากที่ได้รับความนิยมเนื่องจากแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย สามารถช่วยให้เทรดเดอร์เข้าถึงการซื้อขายได้มากขึ้น มีเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ตลาด
โดยส่วนมากโบรกเกอร์จะเสนอแพลตฟอร์มการซื้อขายที่มีคุณสมบัติพิเศษตามเอกลักษณ์เฉพาะของโบรกเกอร์นั้น ๆ
คุณสมบัติของแพลตฟอร์มที่ดีนั้นมีด้วยกันหลายประการ ต้องช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ตลาดการซื้อขาย และอำนวยความสะดวกด้วยฟังก์ชั่นต่าง ๆ มากมาย และที่สำคัญต้องง่ายต่อการใช้งาน แม้จะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ก็ตาม
แพลตฟอร์มทันสมัย – แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ดีต้องสามารถรองรับการใช้งานระบบต่าง ๆ ได้ สามารถใช้งานบน Windows และ Mac รวมทั้งในระบบโทรศัพท์มือถือทั้งรูปแบบ iOS และ Android
การเข้าถึงข้อมูลตลาดการซื้อขาย – เทรดเดอร์จะต้องได้รับข้อมูลที่รวดเร็ว เช่น ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงราคาเพื่อให้สามารถดำเนินการการซื้อขายในช่วงโอกาสที่ดีที่สุด และข้อมูลในส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธการซื้อขาย เช่น ข้อมูลในอดีตย้อนหลังจะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์โอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้นในปัจจุบันได้
ความรวดเร็วในการดำเนินการ – เมื่อคุณตัดสินใจดำเนินการซื้อขายแล้ว จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการตามคำสั่งภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุด ไม่ถึงวินาที หากแพลตฟอร์มดำเนินการช้าจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาและการซื้อขายทันที
การแสดงแผนภูมิและกราฟ – คุณสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดได้ดีที่สุด จากการแสดงผลทางแผนภูมิหลายรูปแบบ
การเทรดอัตโนมัติ – แพลตฟอร์มนี้จะทำการเทรดให้คุณโดยอัตโนมัติ มีการวิเคราะห์การตลาดได้เอง และคุณสามารถใช้งานรูปแบบนี้ได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ตาม
ฟังก์ชั่นและการตั้งค่า – จะดียิ่งขึ้นหากคุณสามารถตั้งค่าแพลตฟอร์มได้ด้วยตัวคุณเอง เพื่อให้สามารถรองรับกลยุทธการเทรดได้ไม่จำกัดและตอบสนองต่อต้องความต้องการของคุณ
แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันได้แก่
- MetaTrader 4
- MetaTrader 5
- Webtrader
- cTrader
- rTrader
- แพลตฟอร์มแบบเฉพาะตัวของโบรกเกอร์นั้น ๆ
นอกจากนี้บางโบรกเกอร์ยังมีบริการ CopyTrade สำหรับเทรดเดอร์อีกด้วย
7. สินทรัพย์ในการลงทุน
โบรกเกอร์ต้องมีสินทรัพย์หลากหลายประเภทให้เลือกลุงทุน โดยสินทรัพย์ยอดนิยมในตลาด ได้แก่ Forex สกุลเงิน Cryptocurrencies ตลาดหุ้น โลหะมีค่า ทองคำ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน และ พันธบัตร เป็นต้น
ก่อนทำการซื้อขายในตลาด คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์แต่ละประเภทที่คุณต้องการลงทุน โดยแต่ละโบรกเกอร์จะมีนำเสนอประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลายให้คุณตัดสินใจว่าจะลงทุนกับตลาดใดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด
ไม่ใช่โบรกเกอร์ทั้งหมดจะมีสินทรัพย์ทุกประเภทที่คุณต้องการลงทุน เนื่องจากแต่ละโบรกเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงตลาดทั้งหมดได้ คุณควรมองหาสินทรัพย์ที่คุณต้องการซื้อขายจากโบรกเกอร์นั้น ๆ
ตลาดการซื้อขายที่เป็นที่นิยมมากที่สุดได้แก่
- ฟอเร็กซ์
- หุ้น
- Cryptocurrencies
- สินค้าโภคภัณฑ์
- ไบนารี่ออปชั่น
- Futures
การซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะตลาดขยายตัวอย่ารวดเร็ว ผลตอบแทนเป็นที่น่าจับตามอง มีความผันผวนของราคาสูง และยังไม่อาจคาดเดาได้ในอนาคต สกุลเงินที่ได้รับความนิยมคือ Bitcoinและ Ethereum
8. การบริการลูกค้า
การบริการลูกค้าถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับการเลือกโบรกเกอร์ หากโบรกเกอร์สามารถให้การช่วยเหลือลูกค้าในเวลาที่รวดเร็วถือว่าเป็นมืออาชีพและได้รับการชื่นชมจากลูกค้า
และที่สำคัญโบรกเกอร์ควรมีฝ่ายบริการลูกค้าหลากหลายภาษา (โดยเฉพาะภาษาไทย) จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถติดต่อการโบรกเกอร์ได้ในเวลาที่รวดเร็วเมื่อคุณพบเจอปัญหา และต้องการความช่วยเหลือ
เนื่องจากลูกค้าสามารถทำการซื้อขายได้ 24 ชม./สัปดาห์ ทำให้บางบริษัทมีทีมงานคอยซับพอร์ทบริการลูกค้าถึง 24 ชม. เลยทีเดียว
ช่องทางการติดต่อกับโบรกเกอร์ที่ง่ายและรววดเร็วที่สุด คือ Live Chat โบรกเกอร์ยอดนิยมส่วยใหญ่จะมีบริการ แชทสด กับลูกค้าที่ต้องการปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือ
นอกจากนี้ยังมีช่องทางการติดตออื่น ๆ เช่น ทางโทรศัพท์, Email, Whatsapp หรือ Skype แล้วแต่โบรกเกอร์นั้นๆ
9. บัญชีทดลอง
ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนในตลาดใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณต้องเริ่มต้นซื้อขายในบัญชีทดลองก่อน
การใช้บัญชีทดลองเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทดสอบและฝึกกลยุทธในการเทรด สิ่งนี้ทำให้คุณได้เรียนรู้แนวทาง พื้นฐานการเทรด และทำความเข้าใจในการวิเคราะห์กราฟและตลาด ก่อนเริ่มต้นซื้อขายด้วยบัญชีจริง นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทดสอบโบรกเกอร์อีกด้วย
โบรกเกอร์ส่วนมากในตลาด มีบริการบัญชี Demo สำหรับลูกค้า โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด คุณสามารถเริ่มต้นการเทรดด้วยเงินปลอม ภายใต้เงื่อนไขทุกอย่างเหมือนใช้บัญชีจริง แต่ไม่ต้องเสี่ยงกับการเสียเงิน
นอกจากนี้ในบางโบรกเกอร์ยังอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าโดย คุณสามารถใช้บัญชีนี้ได้อย่างไม่จำกัดเวลาในการใช้งาน ดังนั้น คุณจึงมีเวลาในการทำความคุ้นเคยกับระบบการใช้งาน แพลตฟอร์ม และบัญชีแต่ละประเภทได้อย่างเต็มที่
แพลตฟอร์ม
ประเภทสินทรัพย์ในการลงทุน
สกุลเงิน หุ้น ดัชนี โลหะ น้ำมันและก๊าซ สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโตเคอเรนซี่ และ Futures
- Forex สกุลเงิน
- Cryptocurrencies
- ตลาดหุ้น
- โลหะมีค่า ทองคำ
- ดัชนี
- สินค้าโภคภัณฑ์
- น้ำมัน
- พันธบัตร
ใบอนุญาตของโบรกเกอร์
- Australian Securities and Investments Commission (ASIC)
- Seychelles Financial Services Authority (FSA)
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
- Securities Commission of The Bahamas (SCB)
- Financial Sector Conduct Authority (FSCA)
- Financial Conduct Authority (FCA)
- Internation Financial Services Commission (IFSC)
ช่องทางการฝากถอนเงิน
- อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งไทย
- Visa, Master Card
- Paypal
- Skrill
- Neteller
- Wire Transfer
- UnionPay
- Sticpay
- fasapay
- Perfect Money
- POLI